DFB Pokal ศึกฟุตบอลถ้วยเยอรมันนี ที่สร้างเซอร์ไพรส์ทุกฤดูกาล
DFB Pokal หรือ เดเอฟเบโพคาล เป็นที่รู้จัดของทั่วโลกในชื่อ เยอรมันคัพ เป็นการแข่งขันฟุตบอลถ้วยในประเทศเยอรมนีที่เป็นการแข่งขันแบบแพ้คัดออกที่เปิดโอกาสให้ทีมจากทุกระดับลีกได้มาพบกัน การแข่งขันในรายการนี้เป็นที่สนใจของคนทั่วโลกเลยก็ว่าได้ เพราะมีทีมดังมากมายที่มาเข้าร่วมการแข่งขัน รวมถึงทีมดังๆ หลายทีมจากบอลลีกดังอย่าง บุนเดสลีกา ถือเป็นหนึ่งในทัวร์นาเมนต์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในวงการฟุตบอลเยอรมัน ใครที่อยากติดตามข่าวสารของบอลถ้วยเยอรมันและรับชมการแข่งขันสามารถรับชมได้ที่เว็บตรง UFABET คลิกที่นี่ !!
ประวัติDFB Pokal กับโมเมนต์สุดประทับใจในฟุตบอลเยอรมัน
การแข่งขันจัดขึ้นครั้งแรกในปี 1935 โดยใช้ชื่อว่า Tschammer-Pokal ตามชื่อของ ฮันส์ วอน ชัมเมอร์ (Hans von Tschammer und Osten) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกีฬาของเยอรมนีในยุคนั้น และในการแข่งขันนั้น 1.FC Nürnberg ก็สามารถคว้าแชมป์ในปีแรกด้วยการเอาชนะ Schwarz-Weiß Essen จบสกอล์ไปได้ 2-0 ในปี 1944 การแข่งขันถูกระงับไปเพราะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่กลับมาจัดอีกครั้งในปี 1952 ภายใต้ชื่อใหม่ DFB-Pokal ซึ่งใช้อย่างเป็นทางการจนถึงปัจจุบัน
กฎกติกาและรูปแบบการแข่งขันDFB Pokal
DFB-Pokal Spiele เป็น บอลถ้วยเยอรมัน ที่ใช้กฎกติกาฟุตบอลตามมาตรฐานของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) มีการแข่งขันแบบแพ้คัดออก เราเปิดโอกาสให้ทุกทีมในประเทศเยอรมนีมีโอกาสสร้างประวัติศาสตร์ให้กับทีมของตัวเอง
รูปแบบการแข่งขันบอลถ้วยDFB Pokal รวมทีมจากทุกระดับชั้น
- จำนวนทีมที่เข้าแข่งขัน
การแข่งขัน DFB Pokal มีทั้งหมด 64 ทีม ที่เข้าร่วมในแต่ละฤดูกาล
- มีทีมเข้าร่วม 18 ทีมจาก บอลลีก อย่าง Bundesliga (ลีกสูงสุด)
- และมีอีก 18 ทีมจาก ลีด Bundesliga 2 (ลีกระดับสอง)
- ทีมจากลีกล่าง Liga และลีกสมัครเล่น ที่ผ่านการคัดเลือกในระดับภูมิภาค
- ระบบแพ้คัดออก (Knockout)
DFB Pokal มีการแข่งขันแบบแพ้คัดออก ซึ่งหมายความว่าทีมที่แพ้จะถูกตัดสิทธิ์ทันทีและทีมชนะจะผ่านเข้าสู่รอบถัดไป ซึ่งจะมีทั้งหมด 6 รอบ ในการแข่งขัน
- รอบแรกแข่ง 64 ทีม
- รอบสองแข่ง 32 ทีม
- รอบสามแข่ง 16 ทีม
- รอบก่อนรองชนะเลิศ Quarterfinals
- รอบรองชนะเลิศ Semifinals
- รอบชิงชนะเลิศ Final
- สถานที่จัดการแข่งขัน
ในรอบแรกถึงรอบรองชนะเลิศการแข่งขันจะจัดขึ้นที่สนามเหย้าของทีมที่มาจากลีกล่างกว่า รอบ DFB Pokal final จะจัดขึ้นที่สนาม โอลิมเปียสตาดิโอน (Olympiastadion) ในกรุงเบอร์ลิน โดยตั้งแต่ปี 1985 เป็นต้นมา การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศจัดขึ้นที่สนาม โอลิมเปียสตาดิโอน (Olympiastadion) ในกรุงเบอร์ลิน
กฎกติกาสำคัญใน DFB ที่ควรรู้
- ระยะเวลาการแข่งขัน
- การแข่งขันใช้เวลา 90 นาที แบ่งเป็นครึ่งแรกและครึ่งหลังครึ่งละ 45 นาที
- หากเสมอในเวลา 90 นาที จะมีการต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที แบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงละ 15 นาที
- หากยังคงเสมอกันจะตัดสินด้วยการยิงจุดโทษ
- การเปลี่ยนตัวผู้เล่น
ทีมสามารถเปลี่ยนตัวผู้เล่นได้ 5 คน ในเวลาแข่งขันใน 90 นาที และสามารถเปลี่ยนตัวเพิ่มอีก 1 คน ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
- การจับฉลากรอบต่อไป
แต่ละรอบจะมีการจับฉลากเพื่อกำหนดคู่แข่งขัน โดยทีมจากลีกล่างจะได้รับสิทธิ์เป็นเจ้าบ้านเมื่อจับคู่กับทีมจากลีกสูงกว่า
- การใช้เทคโนโลยี VAR
การแข่งขัน เดเอฟเบโพคาลเยอรมัน ตั้งแต่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นต้นไป จะมีการใช้เทคโนโลยี VAR เพื่อช่วยตัดสินในกรณีที่มีจังหวะสำคัญ
ยุคทองDFB Pokal รวมประวัติศาสตร์การแข่งขันและแชมป์ทุกฤดูกาล
ยุคทองของฟุตบอลถ้วย อย่างDFB Pokal มีการสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ในทุกฤดูกาลไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จของทีมใหญ่หรือการล้มยักษ์ของทีมเล็ก ในแต่ละช่วงปีจะมีเหตุการณ์สำคัญอะไรบ้างที่เกิดขึ้นไปดูกันเลย
1. การฟื้นตัวหลังสงคราม ช่วงปี 1950s – 1960s
หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองการแข่งขันได้กลับมาจัดอีกครั้งในปี 1952 การแข่งขันในยุคนี้ทำให้คนในประเทศเยอรมนีกลับมาสามัคคีและผ่อนคลายมากขึ้นหลังสงครามโลก จากนั้นแฟนบอลก็เริ่มรับชมและติดตามการแข่งขันกันมากยิ่งขึ้น ในช่วงปีนั้นทีม 1.FC Köln, Borussia Mönchengladbach และ Bayern Munich ก็เริ่มสร้างชื่อเสียงในรายการนี้
2. ยุคแห่งความเป็นเลิศของบาเยิร์น มิวนิค ปี 1970s – 1980s
ในช่วงปี 1970s ทีม บาเยิร์น มิวนิค ครองความยิ่งใหญ่ในฟุตบอลเยอรมันและยุโรป โดยเริ่มสร้างความสำเร็จในรายการ DFB Pokal โดยบาเยิร์นคว้าแชมป์ DFB Pokal หลายสมัยและสร้างมาตรฐานใหม่ในการแข่งขันทำให้ทีมอื่นๆต้องพัฒนากันมากขึ้นสำหรับการแข่งขัน โดยในปี 1982 รอบชิงชนะเลิศระหว่าง บาเยิร์น มิวนิค และ 1.FC Nürnberg เป็นหนึ่งในแมตช์ที่น่าจดจำที่สุด
3. การล้มยักษ์และเซอร์ไพรส์ ในปี 1990s – 2000s
DFB Pokal ได้รับชื่อเสียงในฐานะเวทีที่ทีมเล็กสามารถสร้างประวัติศาสตร์ได้ ในปี 1997 ทีม KFC Uerdingen จากลีกล่างเข้าสู่รอบลึกได้สำเร็จ และในปี 2004 ทีม อเลมาเนีย อาเคิน ซึ่งไม่ได้อยู่ใน Bundesliga เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศแม้จะแพ้ให้กับ แวร์เดอร์ เบรเมน แต่เป็นที่จดจำในฐานะ “เซอร์ไพรส์แห่งปี”
4. ความสำเร็จระดับโลก ในยุคปี 2010s – ปัจจุบัน
ในยุค 2010s การแข่งขัน DFB Pokal ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะรอบชิงชนะเลิศที่จัดขึ้นที่สนามโอลิมเปียสตาดิโอนในกรุงเบอร์ลิน ทีม บาเยิร์น มิวนิค และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เป็นทีมที่มักพบกันในรอบลึกและสร้างการแข่งขันที่ดุเดือด โดยในปี 2020 บาเยิร์น มิวนิค คว้าทริปเปิลแชมป์ (DFB Pokal, Bundesliga, UEFA Champions League) ซึ่งตอกย้ำถึงความยิ่งใหญ่ของรายการนี้
เหตุการณ์สำคัญที่สร้างยุคทองของ DFB Pokal
การล้มยักษ์ของ Holstein Kiel ปี2021
Holstein Kiel ทีมจากลีกล่างเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ในรอบ 32 ทีมสุดท้าย สร้างประวัติศาสตร์ที่ยังคงถูกพูดถึง
รอบชิงชนะเลิศสุดดราม่า ปี 2012
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยสกอร์ 5-2 เป็นหนึ่งในรอบชิงที่น่าตื่นเต้นที่สุด
การเปลี่ยนแปลงกฎและการใช้ VAR
มีการนำ VAR เข้ามาช่วยตัดสินในช่วงปี 2010s ช่วยเพิ่มความยุติธรรมและมาตรฐานของการแข่งขันมากขึ้น
ตำนานนักเตะในศึกDFB Pokal
1. แกร์ด มุลเลอร์ (Gerd Müller)
จากทีม บาเยิร์น มิวนิค ตำแหน่งกองหน้า แกร์ด มุลเลอร์ เป็นหนึ่งในผู้ทำประตูสูงสุดของรายการ ด้วยความเฉียบคมและความสามารถในการจบสกอร์ที่น่าทึ่ง ในรอบชิงชนะเลิศปี 1967 เขาพาทีมคว้าชัยชนะเหนือฮัมบูร์ก
2. ฟรานซ์ เบ็คเคนเบาเออร์ (Franz Beckenbauer)
จากทีม บาเยิร์น มิวนิค ตำแหน่งกองหลัง/กองกลาง ฉายาของเขาคือ “จักรพรรดิแห่งวงการฟุตบอล” มีบทบาทสำคัญในเกมรับและการสร้างเกมจากแนวลึก ในรอบชิงชนะเลิศปี 1971 เป็นตัวอย่างที่ดีในการแสดงทักษะการเป็นผู้นำของเขา
3. โทมัส มุลเลอร์ (Thomas Müller)
จากทีม บาเยิร์น มิวนิค ตำแหน่งกองหน้า/กองกลางตัวรุก เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จที่สุดใน DFB Pokal ด้วยการคว้าแชมป์มากกว่า 6 สมัย ทำประตูสำคัญในรอบลึกหลายครั้ง เช่น รอบชิงชนะเลิศปี 2019 ที่พบกับ RB Leipzig
4. โคล้ส ฟิสเชอร์ (Klaus Fischer)
จากทีม ชาลเก้ 04 ตำแหน่งกองหน้า เขาโด่งดังจากการเล่นที่คล่องตัวและความสามารถในการทำประตูจากลูกจักรยานอากาศ
5. โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (Robert Lewandowski)
จากทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ บาเยิร์น มิวนิค ตำแหน่งกองหน้า ทำประตูสำคัญในรอบชิงชนะเลิศหลายครั้ง ในปี 2012 ที่พาดอร์ทมุนด์เอาชนะบาเยิร์นด้วยสกอร์ 5-2 และเขายังเป็นดาวซัลโวของรายการในบางฤดูกาล
6. ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง (Pierre-Emerick Aubameyang)
จากทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ตำแหน่งกองหน้า เขานำดอร์ทมุนด์คว้าแชมป์ DFB Pokal ในปี 2017 ด้วยการทำประตูสำคัญในรอบชิงชนะเลิศที่พบกับไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต ความเร็วและความเฉียบคมของเขาเป็นที่ 1 อยู่เสมอ
7. โอลิเวอร์ คาห์น (Oliver Kahn)
จากทีม บาเยิร์น มิวนิค ตำแหน่งผู้รักษาประตู เขามีฉายาว่า “คิงคาห์น” การเซฟจุดโทษและการป้องกันประตูในสถานการณ์สำคัญทำให้เขาเป็นที่จดจำในรอบชิงชนะเลิศหลายครั้ง
8. มิชาเอล บัลลัค (Michael Ballack)
ทีม ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น และ บาเยิร์น มิวนิค ตำแหน่งกองกลางตัวรุก เขาเป็นหนึ่งในกองกลางที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในรายการ การยิงประตูในรอบลึก เช่น รอบชิงชนะเลิศปี 2003 ทำให้เขาเป็นที่จดจำ
9. เจอร์เกน โคลินส์ (Jürgen Klopp – ในฐานะโค้ช)
เขาเป็นโค้ชทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ นำดอร์ทมุนด์คว้าแชมป์ DFB Pokal ในปี 2012 ด้วยการเอาชนะบาเยิร์น มิวนิค 5-2 เป็นตัวอย่างของการนำทีมเล็กสร้างผลงานยิ่งใหญ่
10. ลูคัส โพโดลสกี้ (Lukas Podolski)
ทีม เอฟซี โคโลญจน์ และ บาเยิร์น มิวนิค ตำแหน่งกองหน้า เขาเป็นที่จดจำจากการทำประตูในช่วงเวลาสำคัญและการพาทีมโคโลญจน์เข้าสู่รอบลึก
ทีมแชมป์ในDFB Pokal ประตูสำคัญและการฉลองแชมป์ในแต่ละฤดูกาล
1. บาเยิร์น มิวนิค (Bayern Munich)
- แชมป์ 20 สมัย (สถิติสูงสุด)
- ปีที่คว้าแชมป์ล่าสุด 2020
- บาเยิร์นคือทีมที่ครองความยิ่งใหญ่ในฟุตบอลเยอรมัน รวมถึงรายการ DFB Pokal รอบชิงชนะเลิศที่น่าจดจำ เช่น ปี 2019 ที่เอาชนะ RB Leipzig 3-0
2. แวร์เดอร์ เบรเมน (Werder Bremen)
- แชมป์ 6 สมัย
- ปีที่คว้าแชมป์ล่าสุด 2009
- หนึ่งในทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดนอกเหนือจากบาเยิร์น ในรอบชิงชนะเลิศปี 2004 ชนะ อเลมาเนีย อาเคิน 3-2
3. ชาลเก้ 04 (Schalke 04)
- แชมป์ 5 สมัย
- ปีที่คว้าแชมป์ล่าสุด 2011
- ชัยชนะครั้งใหญ่ในรอบชิงชนะเลิศปี 2011 เอาชนะ ดุ๊ยส์บวร์ก 5-0
4. ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต (Eintracht Frankfurt)
- แชมป์ 5 สมัย
- ปีที่คว้าแชมป์ล่าสุด 2018
- รอบชิงชนะเลิศปี 2018 เอาชนะบาเยิร์น มิวนิค 3-1 ในเกมที่น่าจดจำ
5. โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (Borussia Dortmund)
- แชมป์ 5 สมัย
- ปีที่คว้าแชมป์ล่าสุด 2021
- รอบชิงชนะเลิศปี 2012 เอาชนะบาเยิร์น มิวนิค 5-2 เป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดของดอร์ทมุนด์
6. ฮัมบูร์ก เอสวี (Hamburger SV)
- แชมป์ 3 สมัย
- ปีที่คว้าแชมป์ล่าสุด 1987
- ฮัมบูร์กเคยเป็นหนึ่งในทีมยักษ์ใหญ่ของเยอรมนีในอดีต
7. สตุ๊ตการ์ต (VfB Stuttgart)
- แชมป์ทั้งหมด 3 สมัย
- ปีที่คว้าแชมป์ล่าสุด 1997
- การคว้าแชมป์ในปี 1997 ด้วยการเอาชนะทีมใหญ่ในรอบชิง
8. โคโลญจน์ (1. FC Köln)
- แชมป์ทั้งหมด 4 สมัย
- ปีที่คว้าแชมป์ล่าสุด 1983
- เป็นหนึ่งในทีมที่เคยประสบความสำเร็จในยุคแรกของ DFB Pokal
H3 : ทีมอื่นที่เคยคว้าแชมป์ DFB Pokal
- โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค 3 สมัย (ปีล่าสุด 1995)
- ไกเซอร์สเลาเทิร์น (1. FC Kaiserslautern) 2 สมัย
- เลเวอร์คูเซ่น (Bayer Leverkusen) 1 สมัย
- ไมนซ์ 05 (Mainz 05) 1 สมัย
ตารางการแข่งขันDFB Pokal ในฤดูกาล 2024-2025
การแข่งขันฟุตบอล DFB Pokal 2023/24 กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น คุณสามารถติดตามการแข่งขันและชม DFB Pokal ถ่ายทอดสด ทุกแมตช์ได้ที่ UFABET เว็บตรงที่ให้บริการเกี่ยวกับฟุตบอลแบบครบวงจร สามารถเช็กตารางการแข่งขันในรอบต่างๆ บนเว็บไซต์ของเรา
- รอบแรก (First Round)
จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-19 สิงหาคม และ 27-28 สิงหาคม 2024 โดยมี 64 ทีมเข้าร่วมแข่งขัน
- รอบสอง (Second Round)
จัดขึ้นในวันที่ 29 และ 30 ตุลาคม 2024 โดยมี 32 ทีมที่ผ่านเข้ารอบจากรอบแรก
- รอบ 16 ทีมสุดท้าย
จัดขึ้นในวันที่ 3 และ 4 ธันวาคม 2024
- รอบก่อนรองชนะเลิศ
วันที่ 4 และ 5 กุมภาพันธ์ 2025
วันที่ 25 และ 26 กุมภาพันธ์ 2025
- รอบรองชนะเลิศ (Semi-finals)
จัดขึ้นในวันที่ 1 และ 2 เมษายน 2025
- รอบชิงชนะเลิศ (Final)
จะมีขึ้นในวันที่ 24 พฤษภาคม 2025 ที่สนามโอลิมปิกสเตเดียม กรุงเบอร์ลิน